Newstimestory

“ยางิ” อ่อนกำลัง กรมชลฯ ตั้งรับบริหารจัดการน้ำสอดคล้องฝน ควบคู่ไปกับการเก็บกัก

วันนี้ (9ก.ย.67) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (swoc) อาคาร 99 ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน ดร.ธเนศร์  สมบูรณ์  ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่างๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ 

ปัจจุบัน (9 ก.ย.67) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 49,392 ล้าน ลบ.ม. (65% ของความจุอ่างฯ รวมกัน)  ยังสามารถรองรับน้ำได้รวมกันอีกกว่า 26,945 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 15,006 ล้าน ลบ.ม. (60% ของความจุอ่างฯ รวมกัน)  ยังสามารถรองรับน้ำได้รวมกันอีกกว่า 9,865  ล้าน ลบ.ม.

ด้านสถานการณ์น้ำท่าส่วนใหญ่ปัจจุบันอยู่ในสภาวะปกติ  แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ฝน ตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ว่า พายุไต้ฝุ่น ยางิ  ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเหนือมีฝนตกเพิ่มในช่วงสองวันนี้ (9-10 ก.ย.67) โดยหลังจากนี้ปริมาณฝนทางตอนบนจะเริ่มลดลง จึงได้กำชับไปยังโครงการชลประทานในพื้นที่ตอนบน พิจารณาเก็บกักน้ำในอ่างเก็บน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ฝน เพื่อสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้า  ส่วนทางพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน  ปริมาณฝนจะเพิ่มขึ้นในช่วงวันที่ 13 -15  กันยายนนี้  ให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์มาก ให้พิจารณาพร่องน้ำตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา  โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ พร้อมทำการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับรู้รับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด  ตามข้อสั่งการของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

สำหรับสถานการณ์อุทกภัยจากปริมาณฝนที่ตกต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา หลายพื้นที่สถานการณ์ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ยังคงเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง รวม 10 จังหวัด กรมชลประทาน  ยังคงให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ  

ส่วนสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ล่าสุดเขื่อนเจ้าพระยาคงการระบายน้ำในอัตราเดิม 1,498 ลบ.ม./วินาที  ต่อเนื่องมาแล้ว 1 สัปดาห์  เนื่องจากระดับน้ำทางตอนบนลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยจะคงการระบายน้ำในอัตรานี้ พร้อมเร่งการระบายน้ำทางแม่น้ำสายหลักออกสู่อ่าวไทย  เพื่อบรรเทาผลกระทบกับพื้นที่ท้ายน้ำให้ได้มากที่สุด 

ทั้งนี้  กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ  คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 14-22 กันยายน 67  จะเกิดสถานการณ์น้ำทะเลหนุนขึ้นอีกครั้ง  ซึ่งอาจจะส่งผลให้ระดับน้ำในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี  กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ  ยกตัวสูงขึ้น จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเฝ้าระวังระดับน้ำในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด  
ใหม่กว่า เก่ากว่า