Newstimestory

ชป.ศรีสะเกษ เข้ม..เฝ้าระวังน้ำท่วม หลัง สทนช.แจ้งเตือนจะมีฝนตกหนักภาคอีสาน

โครงการชลประทานศรีสะเกษ จัดทีมเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำหลาก หลังสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประกาศเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำล้นตลิ่ง ช่วงวันที่ 30 ก.ย. - 3 ต.ค. 67 นี้ 

นายจำรัส  สวนจันทร์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานศรีสะเกษ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์น้ำในเขตอำเภอขุนหาญ กันทรลักษ์ และอำเภอเมืองศรีสะเกษ พบว่า  อ่างเก็บน้ำที่ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 5 แห่ง  ที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีปริมาณน้ำในอ่างฯ มากกว่า 80%  ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยตามาย อำเภอกันทรลักษ์ อ่างเก็บน้ำห้วยตะแบง และอ่างเก็บน้ำห้วยทา อำเภอขุนหาญ อ่างเก็บน้ำห้วยซันและอ่างเก็บน้ำห้วยคล้า อำเภอเมืองศรีสะเกษ ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่บริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในระดับเก็บกัก มีการระบายน้ำผ่านทางอาคารระบายน้ำล้น(spillway) ตามแผนการส่งน้ำและการระบายน้ำของโครงการฯที่วางไว้ สอดคล้องกับสถานการณ์ เป็นไปตามที่ สทนช. ได้ประกาศแจ้งเตือน 

ทั้งนี้ บริเวณพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นพื้นที่ที่มีฝนตกชุกและมีความลาดชันสูง อาจเกิดภาวะน้ำบ่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันได้ โครงการชลประทานศรีสะเกษ จึงได้ประสานแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้รับทราบข้อมูลสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง และเฝ้าระวังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ยืนยันอ่างเก็บน้ำทุกแห่งยังมีความมั่นคงแข็งแรง สามารถส่งน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรในเขตชลประทาน ได้แก่  ข้าวนาปี  สวนทุเรียนภูเขาไฟ  และพืชชนิดต่างๆ ของเกษตรกร ได้ตลอดทั้งปี

สำหรับในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ มีอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จำนวน 16  แห่ง ปัจจุบันเก็บกักได้ประมาณ 87%  เขื่อนขนาดใหญ่ 2  แห่ง เก็บกักได้ประมาณ 94% ส่วนสถานการณ์น้ำในลำน้ำสายต่างๆ ได้แก่   แม่น้ำมูล  ลำน้ำห้วยสำราญ  ลำน้ำห้วยขยูง  และลำน้ำห้วยทับทัน ยังสามารถรองรับน้ำได้ ระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 3-4 เมตร ยกเว้นลำห้วยทับทันบริเวณจุดตรวจวัด  M.42 ที่มีระดับน้ำใกล้ถึงระดับตลิ่ง จึงขอให้ประชาชนชาวศรีสะเกษ ติดตามสถานการณ์น้ำและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด โดยโครงการชลประทานศรีสะเกษ จะร่วมกับจังหวัดศรีสะเกษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เตรียมพร้อม เครื่องจักร เครื่องมือ ที่พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้ตลอดเวลา จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝน 


ใหม่กว่า เก่ากว่า