กรมชลฯ เร่งสรุปผลการศึกษา EIA อ่างเก็บน้ำแพรกตะคร้อ หลังราษฎรบ้านบึงนคร-เขาจ้าวขานรับผลการศึกษา EIA อ่างเก็บน้ำแพรกตะคร้อฯ เพื่อเร่งแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำพื้นที่ทำเกษตรและน้ำกิน น้ำใช้ของราษฎรและเกษตรกร ต.บึงนคร-ต.เขาจ้าว จ.ประจวบฯ วางเป้าแล้วเสร็จภายใน 4 ปี
นายอาทร สุทธิกาญจน์ ผู้อำนวยการส่วนวางโครงการที่ 4 กรมชลประทาน กล่าวถึงความเป็นมาในการจัดทำโครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำแพรกตะคร้อ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่า เนื่องจากโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรี ตำบลหนองตาแต้ม ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่กรมชลประทานได้ก่อสร้างไว้เมื่อปี 2510 และมีการใช้งานเพื่อกักเก็บน้ำตั้งแต่ปี 2522 เพื่อส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูกเป็นบางส่วน ปัจจุบันอาคารต่างๆ ได้ถูกใช้งานมากนานกว่า 40 ปี ประกอบกับพื้นที่เดิมในเขตชลประทานทั้งหมด 212,175 ไร่ แต่เนื่องจากมีการใช้น้ำที่มากขึ้นส่งผลให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรีสามารถส่งน้ำได้เพียง 167,100 ไร่ เท่านั้น
ดังนั้น เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการบริหารจัดการน้ำแบบยั่งยืนให้ชาวประจวบคีรีขันธ์ กรมชลประทานจึงได้วางแผนปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรี ประกอบด้วย การเพิ่มระดับเก็บกักอ่างเก็บน้ำปราณบุรี การปรับปรุงคลองส่งน้ำและโครงการพัฒนาแหล่งน้ำตันทุนเพิ่มเติมเพื่อส่งน้ำให้กับโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรีจำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำแพรกตะคร้อ อ่างเก็บน้ำคลองน้อย อ่างเก็บน้ำตะลุยแพรกซ้าย และอ่างเก็บน้ำแพรกกระทุ่ม โดยจะเริ่มดำเนินการอ่างเก็บน้ำแพรกตะคร้อเป็นโครงการแรก เพื่อเร่งแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค และพื้นที่ทำการเกษตรบริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำของราษฎร 2 หมู่บ้านคือตำบลเขาจ้าว อำเภอปราณบุรี และตำบลบึงนคร อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และเสริมศักยภาพให้กับโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรี และลดปัญหาอุทกภัยบริเวณริมฝั่งคลองแพรกตะคร้อ โดยมีระยะเวลาในการก่อสร้าง 4 ปี หรือแล้วเสร็จประมาณปี 2571 ราษฎรถึงสามารถใช้งานได้ ซึ่งหากโครงการแล้วเสร็จจะอ่างดังกล่าวฯ จะเป็นแหล่งกักเก็บน้ำตันทุนสำหรับอุปโภค-บริโภคของราษฎรได้เพียงพอตลอดปี ตลอดจนเพิ่มศักยภาพปริมาณน้ำให้กับโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรีอีกทางหนึ่งด้วย
ด้านดร.ไชยทัศน์ อิ่มสำราญรัชต์ บริษัท ธารา-คอนซัลแตนท์ จำกัด ที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวว่า ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแพรกตะคร้อฯ จำเป็นต้องมีการศึกษาการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อเสนอต่อการพิจารณาของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) ก่อนที่จะมีการสำรวจ ออกแบบ และก่อสร้างต่อไป โดยสภาพพื้นที่ศึกษาตั้งอยู่บนห้วยตะลุยแพรกขวามีพื้นที่ รับน้ำฝนจากตำแหน่งที่ตั้งหัวงาน 179.73 ตร.กม.หรือประมาณ 112,331 ไร่และอยู่ในลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปราณบุรีซึ่งมีพื้นที่ลุ่มน้ำทั้งหมดประมาณ 2,917.28 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,823,300 ไร่ ซึ่งเป็นลุ่มน้ำสาขาหนึ่งในลุ่มน้ำเพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ ลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปราณบุรี ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
สำหรับวัตถุประสงค์ของการศึกษา 1.เพื่อจัดทำรายงานการศึกษาความเหมาะสม (Feasibility Study) 2.เพื่อจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม 3.เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนปฏิบัติการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIMP) และ 4.ประชาสัมพันธ์มวลชนสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน และของทุกภาคส่วนเพื่อแสดงให้เห็นว่า กรมชลประทานมีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาในพื้นที่ให้แก่ราษฎรอย่างโปร่งใสและสร้างโอกาสการมีส่วนร่วมของสาธารณะชนอย่างจริงจังตลอดจนการเสนอความคิดเห็นและเสนอแนวทางในขั้นตอนต่างๆของการศึกษาโดยให้สอดคล้องและเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ด้านนางสาวสุทธิกานต์ แซ่ปัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 11 ต.บึงนคร อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาคนในชุมชนตำบลบึงนครจะทำการเกษตร ทั้งพืชใช้น้ำน้อยและทำสวนทุเรียนโดยเฉพาะทุเรียนปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกกว่าพันไร่ แต่เนื่องจากขาดแคลนแหล่งน้ำทำให้ได้ผลผลิตไม่ดี ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ต่ำ ซึ่งชาวบ้านดีใจมากที่กรมชลประทานมีแผนที่จะสร้างอ่างเก็บน้ำฯ เพราะจะช่วยให้ชาวบ้านมีแหล่งน้ำที่เพียงพอต่อการเพาะปลูก ทำกิน รวมทั้งมีน้ำกิน น้ำใช้เพียงพอแทนการใช้น้ำจาแหล่งน้ำธรรมชาติจากแม่น้ำ ลำธารซึ่งไม่มีความสะอาด ปลอดภัยและถูกลักษณ์อนามัยที่ดี