ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “เทคโนโลยีกับการขับเคลื่อนสหกรณ์เข้มแข็ง” เพื่อมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพของสหกรณ์และเกษตรกร ให้สามารถใช้ข้อมูลทางบัญชีในการบริหารจัดการ โดยการส่งเสริมและผลักดันให้ใช้เทคโนโลยีที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์พัฒนาขึ้น พร้อมมอบโล่รางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่นกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ประจำปี 2566 และปาฐกถาพิเศษ เนื่องในโอกาสครบรอบ 72 ปี การสถาปนากรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ระหว่างวันที่ 10 - 12 มีนาคม 2567 โดยมี นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวอัญมณี ถิรสุทธิ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ผู้บริหารกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ เข้าร่วม ณ โรงแรมปรินซ์พาเลซ มหานาค กรุงเทพฯ
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้ความสำคัญต่อการนำระบบสหกรณ์เป็นกลไกในการยกระดับคุณภาพชีวิต เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เน้นการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ให้แก่สถาบันสหกรณ์ เกษตรกร และประชาชน เพื่อประโยชน์ในการใช้ข้อมูลทางการเงินมาวิเคราะห์อย่างง่าย ต่อการวางแผน พยากรณ์อนาคต และตัดสินใจดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งในการยกระดับศักยภาพของผู้บริหารในการใช้ข้อมูลทางการเงินมาบริหารจัดการ สร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้แก่สถาบันสหกรณ์ ปัจจุบันมีจำนวนสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร รวม 9,653 แห่ง สมาชิก 11.97 ล้านคน
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เร่งเดินหน้าขับเคลื่อนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านบัญชีที่เป็นประโยชน์มาสนับสนุนการดำเนินงานในสหกรณ์และให้บริการสมาชิก เพื่อช่วยสร้างความเข้มแข็งทางการเงินการบัญชีและพัฒนาสู่สหกรณ์ที่มีความทันสมัย สร้างความเชื่อมั่นให้สมาชิก ซึ่งกรมฯ ได้มีการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ นวัตกรรม SmartMember ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้สมาชิกสหกรณ์สามารถตรวจสอบฐานะทางการเงินของตนเองได้ตลอดเวลา และลดความเสี่ยงการเกิดทุจริตได้ ขณะนี้ มีจำนวนผู้เข้าใช้งานแล้ว 230,942 ราย ตลอดจน พัฒนาโปรแกรมระบบบัญชีและโปรแกรมต่างๆ อีกด้วย
“การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาส่งเสริมในการตรวจสอบบัญชีของสหกรณ์นั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องขับเคลื่อนเพื่อให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก อีกทั้ง ได้มอบหมายให้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และกรมส่งเสริมสหกรณ์ทำงานควบคู่กัน เพื่อพัฒนาสหกรณ์ สถาบันเกษตรกร ให้เกิดความเข้มแข็ง เนื่องจากสหกรณ์มีตัวเลขหมุนเวียนกว่า 4 ล้านล้านบาท ถือว่าเป็นเม็ดเงินก้อนโต ดังนั้น จะทำอย่างไงให้เม็ดเงินก้อนนี้เติบโต และสร้างความเข้มแข้งให้กับสมาชิกของสถาบันเกษตรกรนั้นๆ” รมว.กษ. กล่าว
นางสาวอัญมณี ถิรสุทธิ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ดำเนินงานขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการบริหารจัดการด้านการเงินและการบัญชีของสหกรณ์กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน โดยปฏิบัติภารกิจหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งตามแนวทางการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยขับเคลื่อนการดำเนินงานในการป้องกัน ป้องปรามการทุจริต และยกระดับสหกรณ์ ผ่านโครงการเร่งด่วน อาทิ การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการทุจริต 10 เขตทั่วประเทศ และศูนย์ให้คำปรึกษาด้านการเงินและการบัญชี 77 จังหวัด การพัฒนาความเข้มแข็งและยกระดับการควบคุมภายในของสหกรณ์ ดำเนินการไปแล้ว 200 แห่ง และการตรวจประเมินการควบคุมภายใน เพื่อป้องกันความเสี่ยงการทุจริตด้านดิจิทัลในสหกรณ์การเกษตร 1,500 แห่ง“ภารกิจสำคัญของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ คือ การตรวจสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น และมีความซับซ้อนในการดำเนินธุรกิจมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการ ทำให้กรมต้องวางแผนรับมือและปรับเปลี่ยนเพื่อให้ก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงหรือเติบโตของสหกรณ์ ที่สำคัญ คือ ปัญหาการทุจริตในสหกรณ์ถือเป็นความท้าทายที่กรมต้องยกระดับการทำงานสอบบัญชีให้ทันต่อมาตรฐานสากล ต้องพัฒนาเครื่องมือ เพื่อช่วยในการตรวจสอบและส่งเสริมให้สหกรณ์เห็นความสำคัญของระบบการควบคุมภายในที่ดี เพื่อป้องกันความเสี่ยง รวมไปถึงการส่งเสริมและผลักดันให้มีผู้ทำบัญชีที่มีความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อให้สหกรณ์เข้มแข็งอย่างยั่งยืน” อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าว