นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา ตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. 65 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักเพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีน้ำเอ่อล้นตลิ่งบางแห่ง โดยเฉพาะที่จังหวัดนราธิวาส ที่มีปริมาณฝนมากกว่าปีที่แล้ว กรมชลประทาน โดยสำนักงานชลประทานที่ 17 ได้เดินเครื่องสูบน้ำที่ได้ติดตั้งเตรียมพร้อมไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อเร่งระบายน้ำ บรรเทาความเดือดร้อนและลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนให้มากที่สุด ดังนี้
ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ 16 เครื่อง เครื่องสูบน้ำ Hydro Flow 6 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำอีก 4 เครื่อง พร้อมกับเดินเครื่องสูบน้ำที่สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าอีก 12 สถานี ส่วนที่จังหวัดปัตตานี ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ 3 เครื่อง และเดินเครื่องสูบน้ำที่สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 1 สถานี ด้านจังหวัดยะลา ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ 1 เครื่อง บริเวณเรือนจำจังหวัดยะลา นอกจากนี้ โครงการชลประทานในพื้นที่ ได้ยกบานประตูระบายน้ำขึ้นพ้นน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลัก อาทิ แม่น้ำโก-ลก แม่น้ำสายบุรี และแม่น้ำปัตตานี ยังคงเพิ่มสูงขึ้น จึงได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานในพื้นที่ เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะหมดฤดูฝนของภาคใต้ รวมทั้งทำการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบถึงสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง เพื่อให้สามารถรับมือสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้นได้
ด้านสถานการณ์น้ำที่เขื่อนบางลาง ปัจจุบันได้หยุดการระบายน้ำแล้ว ตั้งแต่ 19-20 ธ.ค.65 เพื่อบรรเทาและลดผลกระทบกับประชาชนบริเวณท้ายเขื่อน ในพื้นที่จังหวัดยะลา และปัตตานี