กรมส่งเสริมสหกรณ์ (กสส.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ (กตส.) และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์ภายใต้โครงการ บ้านมั่นคงให้มีความเข้มแข็งและสมาชิกมีคุณภาพชีวิตที่ดี ให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาโครงการบ้านมั่นคง โดยใช้สหกรณ์และบัญชีเป็นเครื่องมือนำทางในการสร้างความความยั่งยืนให้กับสหกรณ์
วันนี้ (28 พ.ย. 65) นาวาตรีสุธรรม ระหงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ พร้อมกล่าวมอบนโยบายเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง โดยมี นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นางสาวอัญมณี ถิรสุทธิ รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) นายนิรันดร์ มูลธิดา รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ผู้แทนสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ชั้น 1 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
นาวาตรีสุธรรม ระหงษ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ว่า ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ดำเนินโครงการบ้านมั่นคงเพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของชุมชนคนจนเมืองทั่วประเทศ สร้างความมั่นคงในการครอบครองที่ดิน พัฒนาระบบสาธารณูปโภค สิ่งแวดล้อมชุมชน และสอดคล้องกับวิถีชีวิตและความสามารถในการจัดการของชุมชน และในปี 2547 ได้มีนำระบบสหกรณ์มาเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการโครงการบ้านมั่นคงเข้มแข็งมากขึ้น ภายใต้ “โครงการสหกรณ์บ้านมั่นคง” โดยมีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ คือ การให้ชุมชนเป็นเจ้าของโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาและจัดการตนเอง โดยมีการรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์ มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดและการไม่มีที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยอย่างเป็นระบบ ที่ผ่านมาต้องขอขอบคุณกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ได้ร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือที่จัดขึ้นในวันนี้เพื่อให้การขับเคลื่อนทางการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพสหกรณ์บริการบ้านมั่นคงเป็นไปในแนวทางเดียวกัน และขอให้ร่วมกันทำงานเพื่อให้สมาชิกมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป
ด้านอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวเสริมว่า ในส่วนความร่วมมือของกรมส่งเสริมสหกรณ์จะเป็นหน่วยงานหลักในการถ่ายทอดความรู้ด้านการสหกรณ์แก่กลุ่มออมทรัพย์ที่ พอช. จัดตั้งขึ้น เพื่อให้กลุ่มออมทรัพย์มีความพร้อมในการจัดตั้งสหกรณ์ในระดับพื้นที่และระดับนโยบายให้เป็นไปตามระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์ที่เกี่ยวกับการจัดตั้งสหกรณ์ กำหนดแนวทางในการปรับปรุงคู่มือการจัดตั้งและส่งเสริมสหกรณ์ตามโครงการบ้านมั่นคง สนับสนุนวิทยากรในการอบรมให้ความรู้ด้านการดำเนินกิจการของสหกรณ์ เพื่อให้สหกรณ์มีความเข้มแข็งสามารถบริหารจัดการ ดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ในชุมชนตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลักดันให้สหกรณ์ภายใต้โครงการบ้านมั่นคงมีพนักงานจัดทำบัญชีของสหกรณ์ และร่วมให้ความรู้ในด้านการจัดทำบัญชีสหกรณ์ให้เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีที่นายทะเบียนสหกรณ์กำหนด ดำเนินการแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาการดำเนินงานของสหกรณ์ที่มีปัญหา ส่งเสริม สนับสนุน และประชาสัมพันธ์ให้สหกรณ์ มีความเข้มแข็ง สามารถบริหารจัดการ ดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ในชุมชนตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีธรรมาภิบาลมีแผนการปฏิบัติงานร่วมกันภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือที่ชัดเจน
สำหรับพิธีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดแสดงนิทรรศการ “การสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง” ภายใต้ธีม “บ้านมั่นคง สหกรณ์เข้มแข็ง” ความเป็นมาของสหกรณ์โครงการบ้านมั่นคง บทบาทกรมส่งเสริมสหกรณ์ในการขับเคลื่อนสหกรณ์ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง ความเข้มแข็งของสหกรณ์ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง สหกรณ์ตัวอย่าง ได้แก่ สหกรณ์เคหสถานคลองลัดภาชีร่วมพัฒนา จำกัด และ สหกรณ์เคหสถานแก่นนคร จำกัด และมีบริการคลินิกให้ความรู้ คำปรึกษา และแก้ไขปัญหาสหกรณ์ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง หลักการ วิธีการ อุดมการณ์สหกรณ์ หลักเกณฑ์การจัดตั้งสหกรณ์โครงการบ้านมั่นคง ความรู้เรื่องกฎหมายและระเบียบ ข้อบังคับ การตอบข้อซักถามในประเด็นต่าง ๆ โดยเฉพาะกฎหมาย
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงสินค้าและกิจกรรมของสหกรณ์ กิจกรรมสาธิตการฝึกอาชีพ และการคำนวนราคาต้นทุนกำไร เช่น กระเป๋าหนัง สานตะกร้า ผักคอนโด ไม้กวาด เป็นต้น การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน มีสินค้ามากกว่า 20 ร้านค้า มาจากเครือข่ายชุมชนสหกรณ์ทั่วประเทศ เช่น น้ำพริก พวงมาลัย ทอดมัน กาแฟโบราณ เนื้อย่าง สายคล้องแมส เป็นต้น รวมทั้งยังมีเวทีเสวนานำเสนอรูปธรรม ชี้ทิศทางการบริหารชุมชนด้วยระบบสหกรณ์ และบทบาทการสนับสนุนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกด้วย