นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เราเชื่อมั่นว่า การผนึกกำลังระหว่างแม็คโครและโลตัส จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อน ส่งเสริม SME ไทย ในการพัฒนา เพิ่มโอกาสการแข่งขันในทุกมิติ ซึ่งจะทำให้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศด้วย โดยทั้งแม็คโครและโลตัสมีจุดเด่นในด้านเครือข่ายและช่องทางการกระจายสินค้าทั้งที่สาขาเกือบ 3,000 แห่งและช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีความเข้าใจความต้องการของทั้งกลุ่มลูกค้า B2B และ B2C ซึ่งเราจะสามารถส่งต่อองค์ความรู้เหล่านี้ให้ผู้ประกอบการ SME พัฒนาสินค้าได้ตรงใจลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยที่ผ่านมา เราได้สนับสนุนผู้ผลิต SME ผ่านโครงการจับคู่ธุรกิจ SMEs Business Matching ในส่วนกลางและระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบูรณาการความร่วมมือกับภาครัฐ อาทิ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ สสว.
นอกจากการสนันสนุนผู้ผลิต SME แล้ว ปัจจุบัน ‘แม็คโคร’ ยังได้เข้าไปสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอีกหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้าปลีกรายย่อยหรือโชห่วย ที่เป็นสมาชิกแม็คโครกว่า 500,000 ราย ผ่านโครงการแม็คโครมิตรแท้โชห่วย ที่ดำเนินงานมาต่อเนื่องกว่า 16 ปี นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารและโรงแรมอีกราว 300,000 ราย ซึ่งแม็คโครได้จัดตั้ง แม็คโครโฮเรก้าอคาเดมี (MHA) และร่วมกับสมาคมเชฟประเทศไทย ให้องค์ความรู้ จัดเวิร์กช็อปในการบริหารธุรกิจ ลดต้นทุน รวมถึงสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ มีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหารอยู่รอดและมีรายได้ แม้ในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา ไม่เพียงเท่านั้น เรายังสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยอีกมากกว่า 7,500 ครัวเรือน โดยตั้งเป้ารับซื้อสินค้าเกษตรกว่า 230,000 ตันในปีนี้
ส่วนโลตัสให้ความสำคัญกับการสนับสนุน SME และเกษตรกรรายย่อยมาโดยตลอด อีกทั้งมีแผนงานชัดเจนในการเพิ่มปริมาณการรับซื้อสินค้าเกษตรและสินค้า SME อย่างน้อย 10% ทุกปี เป็นระยะเวลา 5 ปี
นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืน ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า “โลตัส ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่อุปทาน สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยหนึ่งในพันธสัญญาของเราคือการเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ช่วยสนับสนุน SME และเกษตรกรไทย ผ่านช่องทางจำหน่ายของสาขาและช่องทางออนไลน์ รวมถึงพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า นอกจากนั้น เรายังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ ด้วยการจัดอบรมร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน แบ่งปันประสบการณ์ ให้ความรู้ ช่วยยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการ และช่วยสนับสนุนด้านพื้นที่ขายสินค้า”
“ในครึ่งปีแรกของปี 2565 โลตัส ได้ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ไปแล้วกว่า 2,500 รายผ่านโครงการ ต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาทางธุรกิจ (Business Matching) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในครึ่งปีแรกจัดกิจกรรมไปแล้ว 4 ครั้ง มีผู้ประกอบการ SME เข้าร่วมเจรจาธุรกิจเพื่อเป็นคู่ค้ากว่า 300 ราย นอกจากนี้ยังเพิ่มจำนวนเกษตรกรในโครงการรับซื้อผลผลิตตรง (Direct Sourcing) โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางกว่า 1,600 ครัวเรือน และรับซื้อผักและผลไม้จากเกษตรกรไปกว่า 32,000 ตัน เราพร้อมเดินหน้าสนับสนุน SME และเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งปีหลัง โดยใช้พื้นที่ในสาขาของเราให้เป็น Everyday SMART Community Center ที่เอื้อประโยชน์ในการสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย และโครงการต่าง ๆ”
นางศิริพร ยังกล่าวเสริมอีกว่า การรวมพลังครั้งนี้ ทำให้ SME มีช่องทางที่ครอบคลุม เพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้าทั้ง B2B และ B2C ผ่านธุรกิจค้าส่งค้าปลีกของแม็คโคร โลตัส และเพิ่มโอกาสการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ที่แม็คโครมีสาขาตั้งอยู่ ซึ่งสินค้าของไทยเป็นที่นิยมอยู่แล้ว โดยปัจจุบัน เราได้พาสินค้า SME ไทย ไปขายยังกัมพูชา และเมียนมา มากกว่า 300 รายการ ในอนาคตยังวางแผนเพิ่มรายการสินค้าจาก SME ไทยในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง