Newstimestory

ฤกษ์ดี อ.ส.ค. เปิดบ้านหลังใหม่รองรับการก้าวสู่ผู้นำอุตสาหกรรมนมไทย-อาเซียน

อ.ส.ค.ได้ฤกษ์เปิดบ้านหลังใหม่ที่มีความทันสมัยครบวงจร เตรียมผลักดันเป็นศูนย์กลางแหล่งเรียนรู้โคนมอาชีพพระราชทาน ด้านรมช.มนัญญาเผยทิศทางพัฒนาอ.ส.ค.ปี66หนุนอ.ส.ค.ก้าวสู่องค์กรชั้นนำด้านอุตสาหกรรมนมที่ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ   พร้อมหนุนนมไทย-เดนมาร์คบุกตลาดจีนและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านดันยอดขายทะลุหมื่นล้าน

วันนี้ (31สค.65) ณ  สำนักงาน อ.ส.ค.กรุงเทพ   อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี   รมช.มนัญญา  ไทยเศรษฐ์   รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดอาคารสำนักงานองค์การส่งเสริมกิจกรรมโคนมแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพโดยมีนายอำพันธุ์   เวฬุตันติ   ประธานกรรมการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.)และผู้บริหารระดับสูงอ.ส.ค.และพนักงานให้การต้อนรับ

รมช.มนัญญา  ไทยเศรษฐ์   รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวว่ารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการก่อสร้างอาคารใหม่สำนักงานอ.ส.ค.กรุงเทพแห่งนี้ซึ่งถือเป็นอีกก้าวอย่างสำคัญของอ.ส.ค.ที่ชี้วัดให้เห็นถึงความมั่นคงแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น  ปัจจุบันอ.ส.ค.เป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คหรือ นมวัวแดง เป็นหน่วยงานที่ต้องดูแลส่งเสริมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมอยู่ทั่วประเทศและได้พัฒนาตัวเองเป็นองค์กรชั้นนำด้านอุตสาหกรรมนมที่ได้รับการยอมรับทั้งในและกลุ่มประเทศอาเซียนครองสัดส่วนการจำหน่ายในตลาดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไม่ต่ำกว่าปีละ 9,000 ล้านบาท และ อ.ส.ค.มีการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันอ.ส.ค.ยังไม่มีที่ทำการของตัวเองต้องเช่าพื้นที่อาคารขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เป็นอาคารสำนักงาน อ.ส.ค.กรุงเทพฯ ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยจำกัดไม่สามารถรองรับการขยายตัวของบุคคลากรและกิจกรรมของ อ.ส.ค.ที่เติบโตขึ้นในอนาคต ประกอบกับ อ.ส.ค.ยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่มีมูลค่ากว่า 9 ล้านบาท/ปีได้อีกจากปัญหาดังกล่าวอ.ส.ค.จึงได้จัดทำโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงาน อ.ส.ค.แห่งใหม่ขึ้น เพื่อใช้เป็นสำนักงานถาวรและมีพื้นที่กว้างขวางไว้ใช้ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ได้สะดวก ง่าย และรวดเร็วกว่าเดิม

รมช.มนัญญา  กล่าวต่อว่า  จะเร่งขับเคลื่อนอ.ส.ค.ให้เป็นองค์กรนำด้านอุตสาหกรรมนมทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียนรวมทั้งให้ยึดมั่นแนวทางตลาดสมัยใหม่  เช่น  ตลาดระบบออนไลน์และเร่งปรับแผนส่งเสริมการขายและการตลาดให้มีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค เศรษฐกิจและสถานการณ์การแข่งขันมากขึ้น เพื่อรักษาส่วนแบ่งในตลาดและขยายอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คทั้งในและต่างประเทศในอนาคต   รวมทั้งขับเคลื่อนองค์กรและผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คให้มียอดจำหน่ายเติบโตอย่างมั่นคงครองสัดส่วนในตลาดในประเทศแบบยั่งยืนก้าวสู่แบรนด์อันดับที่ 1 ในใจผู้บริโภคชาวไทย (Top of Mind)ได้ในไม่ช้า



นอกจากตลาดภายในประเทศแล้วยังได้ให้นโยบายให้เร่งขยายช่องทางธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มเติมในตลาดเป้าหมายสำคัญคือ ประเทศจีน ประเทศเวียดนามและกลุ่มประเทศมุสลิมเพื่อเพิ่มยอดการส่งออกผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค โดยเฉพาะจีนและเวียดนามถือเป็นประเทศที่น่าสนใจของนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากเป็นประเทศที่กำลังซื้อสูงและมีสัดส่วนประชากรเยอะ  รวมทั้งเร่งรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของการดื่มนมโคสดแท้ 100% ไม่ผสมนมผง จากน้ำนมโคที่ได้จากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมประเทศไทย ตลอดจนสืบสาน รักษา ต่อยอดอาชีพการเลี้ยงโคนม ซึ่งเป็นอาชีพทรงคุณค่าที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่9) ทรงพระราชทานไว้ให้แก่เกษตรกรไทย ได้มีอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน โดยให้ความสำคัญในการการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำจนถึงมือผู้บริโภคต้องได้คุณภาพและมาตรฐาน รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้ประชาชนจดจำว่า นมวัวแดง นมไทย-เดนมาร์ค นมทุกหยดผลิตจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม

ด้านนายสมพร  ศรีเมือง  ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจกรรมโคนมแห่งประเทศไทย  กล่าวเพิ่มเติมว่า  ปัจจุบันอ.ส.ค.ได้พัฒนาตัวเองเป็นองค์กรชั้นนำด้านอุตสาหกรรมนมที่ได้รับการยอมรับทั้งในและกลุ่มประเทศอาเซียน ครองสัดส่วนการจำหน่ายในตลาดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ  สำหรับสำนักงานแห่งใหม่นี้สร้างบนพื้นที่ 3 ไร่ 2 งาน 50 ตารางวาในพื้นที่ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ได้รับความอนุเคราะห์พื้นที่ของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดปทุมธานี กรมส่งเสริมสหกรณ์   แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ 1.พื้นที่ส่วนอาคารสำนักงานสูง 3 ชั้น 2.พื้นที่ส่วนลานจอดรถและสวนหย่อม 3.พื้นที่ส่วนโรงอาหารและร้าน Thai – Denmark Milk  Shop รวมทั้งได้จัดพื้นที่ขนาดใหญ่รองรับการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อแสดงให้ทราบถึงกระบวนการทำงานแต่ละด้าน   เช่น  การส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนม และกิจกรรมส่งเสริมด้านการตลาดและการขาย และการจัดแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์ตราไทย-เดนมาร์ค ตั้งแต่นมกล่องแรกในรอบ 60 ปี ที่ผ่านมาจนถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในปัจจุบันอีกด้วย


ใหม่กว่า เก่ากว่า