นายสมพจน์ ปิยะอุย ผู้ร่วมก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานี เปิดเผยว่า ตนได้ประเมินและมองแนวทางในการทำธุรกิจจากสถานการณ์และปัจจัยต่างๆ ในทุกด้านแล้ว พบว่าโรงพยาบาลนับเป็นหนึ่งในธุรกิจที่น่าลงทุนอย่างมาก โดยเฉพาะสถานการณ์ช่วงนี้ที่ประเทศไทยและทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ดูแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะจบได้ง่ายๆ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าทั่วโลกยังมีความต้องการทั้งสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ที่มีศักยภาพเพื่อรับมือกับวิกฤติการณ์ครั้งนี้ จึงมั่นใจว่าแนวคิดในโปรเจ็ค “World-Class Hospital” จะสามารถตอบโจทย์ และเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย อีกทั้งเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับชาวไทยและต่างชาติได้เป็นอย่างดีว่าการบริการทางการแพทย์ในประเทศไทยก็เป็นที่หนึ่งไม่แพ้ชาติใดในโลก
นายสมพจน์ยังกล่าวต่ออีกว่า จากที่ผมได้ร่วมหารือกับคุณพิชญ์อาภา จำนงค์เนียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอิร์ลลี่ เบิร์ด แล้ว เห็นว่าเป็นโอกาสในการเลือกที่ดีอีกทางหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการรับการบริการทางการแพทย์ที่ดีในระดับมาตรฐานสากล จึงสรุปร่วมกันออกมาเป็นโครงการสร้างโรงพยาบาลระดับพรีเมี่ยม โดยมุ่งเน้นทั้งเรื่องมาตรฐานที่ดีทางการแพทย์ที่สามารถรองรับได้ทั้งการรักษาโรคทั่วไปและการรักษาเฉพาะทางเป็นพิเศษ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แต่การบริการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้รับบริการจะมีความแตกต่างจากโรงพยาบาลทั่วไป
จากที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาใช้บริการรักษาโรคในประเทศไทยเป็นจำนวนมากและเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการบริการและความสามารถของแพทย์ อีกทั้งเรื่องราคาค่าบริการก็นับว่าถูกกว่าเมื่อเทียบกับประเทศในแถบยุโรปหรืออเมริกา ที่สำคัญเราต่างเห็นตรงกันว่า ธุรกิจสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลนี้เหมาะสมอย่างมากกับการลงทุนในช่วงเวลานี้ กอรปกับองค์ประกอบอื่นๆไม่ว่าจะเป็นทีมงานมืออาชีพ ที่มีประสบการณ์บริหารงานทั้งสายโรงพยาบาล โรงแรม ตลอดจนธุรกิจนำเข้าและส่งออก อีกทั้งพาร์ทเนอร์ทั้งในและต่างประเทศ และที่สำคัญคือ ทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งชุมชน ใกล้แหล่งการค้า และสะดวกต่อการเดินทาง จึงเชื่อว่าโครงการ “World-Class Hospital” จะเป็นหนึ่งในทางเลือกของสถานบริการทางการแพทย์ที่ดีสุดแน่นอน
ด้านคุณพิชญ์อาภา จำนงค์เนียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอิร์ลลี่ เบิร์ด จำกัด กล่าวว่า จากการหารือกับคุณสมพจน์ ปิยะอุย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ อีกทั้งยังเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านการบริหารโรงแรมและโรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่ง จึงเห็นพ้องกันว่า ที่ดินของตนเองซึ่งอยู่บริเวณถนนประดิษฐ์มนูธรรม เลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ เป็นทำเลซึ่งใกล้กับแหล่งชุมชน ติดโครงการที่อยู่อาศัย โครงการ Noble Freedom ใกล้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ Crystal Park ติดร้านอาหาร Karaoke city และสถานประกอบการอื่นอีกมากมาย แต่ยังขาดโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานและความพร้อมทางการแพทย์และการบริการแบบครบวงจรทั้งผู้ที่มารับการรักษาและญาติตลอดจนถึงผู้ติดตามให้ได้รับความสะดวก
จึงเกิดเป็นข้อตกลงในการร่วมธุรกิจโรงพยาบาลที่มีความแตกต่างจากโรงพยาบาลทั่วไป ด้วยการผสมผสานที่เน้นการบริการเหมือนโรงแรมระดับ 5 ดาว และบริการทางการแพทย์อย่างครบวงจร เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้า และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมาร่วมเป็นทีมที่ปรึกษา พร้อมกันนี้เพื่อรองรับผู้ติดตามหรือแขกของผู้มารับบริการการรักษาในโรงพยาบาล ก็จะมีบริการ Services apartment หรือโรงแรมระดับมาตรฐานในการอำนวยความสะดวกแบบเบ็ดเสร็จในบริเวณพื้นที่โครงการดังกล่าวอีกด้วย
“ในส่วนของแผนงานและงบประมาณ ได้กำหนดการก่อสร้างโครงการบนเนื้อที่เกือบ 4 ไร่ โดยตั้งงบประมาณไว้ราว 2,500 ล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในปี 2564 คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2566 เชื่อมั่นว่าโปรเจ็ค World-Class Hospital นี้ จะเป็นโรงพยาบาลที่ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการสถานพยาบาลที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง และยกระดับโรงพยาบาลให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ด้วยการบริการครบครันดุจโรงแรมชั้นนำในราคาที่เข้าถึงได้” คุณพิชญ์อาภา กล่าวทิ้งท้าย
